ในภาษาอังกฤษจะพบได้ว่า การตั้งประโยคคำถามจำนวนมาก มีคำศัพท์ Do และ Does เป็นส่วนประกอบอยู่ ดังนั้นในวันนี้เรามาดูกันว่า ทั้งสองคำนี้มีหลักการใช้ที่ถูกต้องอย่างไร ตัวอย่างการเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคำถามด้วย Do และ Does ประโยคบอกเล่า: You speak English. คุณพูดภาษาอังกฤษ ประโยคคำถาม: Do you speak English? คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม? ประโยคบอกเล่า: He speaks Thai. เขาพูดภาษาอังกฤษ ประโยคคำถาม: Does he speak Thai? เขาพูดภาษาไทยได้ไหม? จะเห็นได้ว่าเพียงแค่เราเติม Do นำหน้าประโยคบอกเล่า ประโยคนั้นก็จะถูกเปลี่ยนเป็นประโยคคำถามทันที ประโยคคำถามที่ใช้ Do หรือ Does นำหน้า จัดอยู่ใน Present simple tense ซึ่งการจะเติมทั้งสองคำนำหน้าประโยคคำถามได้ ประโยคนั้นจะต้อง 1. ไม่ใช่ประโยคที่มี Verb to be (is, am, are) เพราะถ้าเป็นประโยคที่มี V. tobe เราจะเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นคำถาม โดยนำ Verb to be มาวางข้างหน้าประโยค โดยไม่ต้องพึ่ง Do หรือ Does เช่น - He is a boy กลายเป็น Is he a boy? 2. จะต้องไม่ใช่ประโยคที่มี Modal Verbs (can, must, might, should etc. ) เมื่อไรใช้ Do เมื่อไรใช้ Does หากประธาน คือ I / you / we / they จะใช้ Do หากประธานคือ he / she / it จะใช้ Does รูปแบบคำถามสั้นที่ใช้ Do หรือ Does และการตอบคำถาม ตัวอย่างคำถาม คำตอบยินยัน คำตอบปฏิเสธ Do you speak English?
หากเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสียง ต้องกักตัวเพื่อดูอาการ 14 วัน Self-quarantine for 14 days after returning from the risk areas. ห้ามออกจากบ้าน ยกเว้นมีเหตุจำเป็น Do not leave the house unless it is the emergency. ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด Do not travel across the provinces. การระบาดไวรัสโคโรนาครั้งนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไร When will the coronavirus pandemic end? การแพร่ระบาดของโรค เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก Increase of epidemic การแพร่ระบาดของโรค ลดน้อยลง Reduction of epidemic ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ No infected people การแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง Super Spreading ยังไม่สามารถหาต้นตอผู้แพร่เชื้อได้ Source of spreader is undetermined.