bdcorpamerica.com

Remote Working คือ / ความรู้ไว้เตือนความจำ: ปัญหา Windows 10 Remote ไม่ได้ "Your Credentials Did Not Work"

  1. ความรู้ไว้เตือนความจำ: ปัญหา Windows 10 Remote ไม่ได้ "your credentials did not work"
  2. สรุปสิ่งที่ควรรู้ในการทำงานแบบ Remote จากประสบการณ์ตรง 5 ปีของทีมงาน TechTalkThai – TechTalkThai
  3. WFH ยุค Covid-19 ด้วยการทำงานแบบ Remote Working

1. เลือกอาหารช่วยต้านแสงแดด แสงแดดและอากาศร้อนในบ้านเราผลกระทบโดยตรงต่อผิวหนังไม่ว่าจะปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวแดง ผิวแสบไหม้ หรือปัญหาใหญ่อย่างมะเร็งผิวหนัง นอกจากการทาครีมกันแดดป้องกันแล้วคุณควรเสริมด้วยอาหารที่มี สารไลโคปีน เช่น มะเขือเทศ แตงโม ฯลฯ เบต้าแคโรทีน เช่น แครอท ฟักทอง ฯลฯ และ กรดอะมิโน เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ฯลฯ ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยป้องกันผิวไหม้จากแสงแดด ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื่นและชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย 2. ลดความเครียด ความเครียด ความกังวล สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำลายจิตใจเราแล้วยังส่งผลเสียต่อผิวของเราได้เช่นกัน เพราะเมื่อร่างกายเกิดความเครียดหรืออารมณ์เสียเมื่อไรจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดชื่อว่า "คอร์ติซอล" ออกมาทำให้ไขมันทำงานหนักม

ความรู้ไว้เตือนความจำ: ปัญหา Windows 10 Remote ไม่ได้ "your credentials did not work"

งานออกมามีประสิทธิภาพ: เมื่อพนักงานไม่ต้องตื่นเช้า ไม่ต้องเครียดรถติด สภาพจิตใจก็จะดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งการทำงานในออฟฟิศก็อาจจะมีการรบกวนกัน ชวนคุย หรือมีคนเข้ามาแทรกอยู่ตลอดเวลา ทำให้งานไม่เดินอย่างที่ควรจะเป็น การมีสมาธิอยู่กับตัวเองจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ปัญหาที่ต้องเจอแน่นอนในการทำ Remote Working 1. สื่อสารยาก เข้าใจไม่ตรงกัน: แน่นอนว่าการสื่อสารต้องเป็นปัญหาอยู่แล้ว เพราะอาจไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน เวลาทักไลน์ไปถามเรื่องงาน ก็อาจจะต้องรอเวลาสักนิดกว่าจะได้รับคำตอบ แต่แก้ไขได้ด้วยการ กำหนดช่วงเวลาแห่งการสอบถามขึ้นมา ว่าวันหนึ่งจะต้องมีช่วงที่สแตนด์บายรอคนติดต่อสอบถามตอนช่วงกี่โมงถึงกี่โมง เป็นต้น 2. มองไม่เห็นความเคลื่อนไหว: เพราะการทำงานที่แบ่งคนไปทำแต่ละหน้าที่ บางคนก็อาจจะไม่ได้อัปเดตความเคลื่อนไหวให้รับทราบ มารู้อีกทีก็เสร็จแล้ว ซึ่งบางครั้งก็อาจทำพลาด ทำผิด ทำให้ต้องแก้ไขโดยไม่จำเป็นและเสียเวลา แต่ปัญหานี้ก็แก้ไขได้ด้วยการกำหนดวันนัดหมายประชุมอัปเดตความเคลื่อนไหวของแต่ละคน หลักในการทำงานแบบ Remote Working ให้ได้ประสิทธิภาพ 1. มีการติดตามความเคลื่อนไหวผ่านอีเมล หรือช่องทางการสื่อสารงานในออฟฟิศทุกสัปดาห์ ประเมินรายเดือน 2.

คำถามยอดฮิตที่ผมได้จากน้องๆนิสิตนักศึกษาที่อยากทำงาน part time ที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาลัยต่างๆ คือ "ผมจะคิดราคางาน freelance ยังไงดีครับ? " คิดราคาถูกไปก็เหมือนจะไม่คุ้ม และถ้าคิดแพงไปก็ไม่จ้างเราเสียโอกาสไปอีก สำหรับในบล็อกนี้หลักการง่ายๆที่เราอยากให้ไว้ และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในการคิด ราคาสำหรับงาน freelance ของเราคือ วิธีคิดราคาโดยใช้หลักการ man-hour หรือ man-day นั่นเอง (ปล. ในบล็อกนี้เราขอใช้เป็น man-hour ไปเลยเนาะ) การคิดราคางานโดยใช้วิธีนี้จะทำให้เราสามารถคุมต้นทุนของเราได้ดีกว่าใช้ความรู้สึก สามารถต่อรองราคากับนายจ้างได้ดีกว่า และทำให้เราดู professional ในสายต่อนายจ้างมากขึ้นด้วย ต่อมาคำถามยอดฮิตจากน้องๆเช่นกันคือ เรื่องวิธีการทำงาน และวิธีคุยงานระหว่างนายจ้าง "ผมจะทำงานที่บ้านยังไงดี? หรือต้องเข้าออฟฟิตด้วยครับ? " ซึ่งวันนี้เราจะมาเคลียร์ 2 เรื่องนี้กันโดยเริ่มจาก มาตรวัดที่ 1: คำนวนราคาต้นทุนของตัวเราเอง ก่อนที่เราจะคิดราคาเป็น man-hour เราต้องหาฐานราคาของตัวเราให้ได้ก่อน โดยเราอาจจะคิดจาก ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เราใช้ 1 เดือน และเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายเป็นประจำ เช่น 1. ค่าเทอม (ต้องเอามาหารให้ได้ราคาต่อเดือน) 2.

  1. Pc2 6400 ddr2 400mhz 2gb
  2. ห้องสมุด คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  3. รถ กระบะ มือ สอง ออ โต้
  4. Crazy dino park โปร
  5. ทำความเข้าใจ "การทำงานแบบไฮบริด" มาตรฐานใหม่ของการทำงาน
  6. แบตเตอรี่ แห้ง 12v SPA SLA BATTERY SL12-7.5 12V 7.5AH #5851526
  7. รถ สปอร์ต ของเล่น ของใช้

สรุปสิ่งที่ควรรู้ในการทำงานแบบ Remote จากประสบการณ์ตรง 5 ปีของทีมงาน TechTalkThai – TechTalkThai

สิ่งที่ผู้บริหารคิดกับสิ่งที่เป็น มีข้อมูลที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสัดส่วนการใช้เวลาในที่ทำงานของพนักงานในองค์กร เพื่อเป็นการวัดผลว่า เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับกิจกรรมใดบ้าง มีประสิทธิภาพแค่ไหน ซึ่งผลสำรวจโดยปกตินั้นค่าเฉลี่ยของชั่วโมงการทำงานที่ออฟิศในแต่ละวันนั้นอยู่ที่ 8. 8 ชั่วโมงต่อวัน สิ่งที่พลิกล็อคจากสิ่งที่ผู้บริหารคิดนั่นก็คือพนักงานได้โฟกัสกับงานของตัวเองจริงๆเพียงแค่ 3 ชม.

1. การควบคุม ผมรู้สึกว่าการทำงานแบบเจอหน้ากันทำให้ผมควบคุมอะไรได้มากกว่า ไม่ใช่การควบคุมในเชิงการชี้นิ้วสั่งนะ แต่เป็นการควบคุมสถานการณ์ โดยที่ผมเชื่อว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้า จับต้องได้ สามารถควบคุมได้ง่ายกว่า เช่นเวลามีงานอะไรเร่งด่วนก็สามารถตะโกนข้ามโต๊ะเพื่อพูดคุยทันที (แทนที่จะต้องรอการส่ง Message ผ่าน Slack หรือ Assign งานผ่าน Project Management Software แล้วเฝ้ารอให้คนที่ผม Mention ถึงมาตอบ) 2. การทำงานใน Office ไม่ใช่แค่เรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ตั้งแต่ตอนเริ่มก่อตั้งบริษัท ผมคิดถึงคำว่า "Culture" มาตลอด ถ้ามีคนเป็นร้อยคนจะเป็นยังไง? ถ้าเจอปัญหา จะแก้ไขกันยังไง? คนที่เข้ามาทำงานร่วมกับเราควรจะเป็นคนแบบไหน?

5. เวลาในการตอบสนองต่ำ (Ping) – การตอบสนองในทันทีเป็นสิ่งสำคัญเมื่อทำงานบนเดสก์ท็อประยะไกล นั่นเป็นสาเหตุที่เวลาแฝงของ AnyDesk ต่ำกว่า 16 มิลลิวินาทีบนเครือข่ายท้องถิ่น ดังนั้นจึงไม่สามารถรับรู้ได้. 6. มีการ รักษาความปลอดภัยระดับสูง – ใช้เทคโนโลยี TLS 1. 2 มาตรฐานเดียวกับธนาคาร จะปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต – เราเข้ารหัสทุกการเชื่อมต่อด้วยการแลกเปลี่ยนคีย์ RSA 2048 ที่ไม่สมมาตร – การเชื่อมต่อทั้งหมดนำเสนอ Perfect Forward Secrecy ด้วย Diffie-Hellman Ephemeral Handshake (DHE) ดังนั้นบุคคลที่สามจึงไม่สามารถถอดรหัสเซสชันได้ – ใช้การแฮ็กรหัสผ่านแบบเค็มเพื่อปกป้องรหัสผ่านของคุณ การถอดรหัสนั้นเป็นไปไม่ได้. 7. การ ถ่ายโอนไฟล์ ระหว่างคอมพิวเตอร์ได้ ง่าย เพียงคัดลอกและวาง. 8. สามารถ แชร์หน้าจอ กับให้กับผู้ใช้งานได้หลายคน เพื่อใช้ในการประชุมหรือสัมมนา. AnyDesk มี Plan อะไรบ้าง?. ในปัจจุบัน (28/02/2021) AnyDesk มีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบหลัก ๆ 1. ESSENTIALS คุณสมบัติพื้นฐานสำหรับการทำงานระยะไกล 2. PERFORMANCE มีรวดเร็วและเชื่อถือได้ และฟีเจอร์ธุรกิจครบชุด 3. ENTERPRISE ซึ่งมีทั้งแบบ Cloud และ On-premises สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติ!!!...

remote working คืออะไร

WFH ยุค Covid-19 ด้วยการทำงานแบบ Remote Working

เมษายน 15, 2020 | By Techsauce Team เรียบเรียงโดย ผศ. ดร.

การทำงานแบบ Remote Working นั้นถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ คือการที่คนที่ทำงานร่วมกันไม่จำเป็นต้องมาเจอหน้ากันใน Office สามารถทำงานด้วยกันผ่านเครื่องมือออนไลน์ต่างๆ และสามารถส่งมอบงานให้ลูกค้าได้ตรงตามเวลา ซึ่งวิธีการทำงานแบบนี้นั้นมี Case Study ต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จมากมาย โดยเฉพาะธุรกิจที่ผมชื่นชอบอย่าง Automattic (ผู้สร้าง WordPress) 37Signals (ผู้สร้าง Basecamp) Buffer หรือถ้าของคนไทยที่เป็นกึ่ง Remote ก็คือ พี่เม่น จาก Seedthemes แต่ว่าวิธีการทำงานแบบนี้มันเหมาะกับคนไทยอย่างเราจริงๆ รึเปล่า? ก่อนอื่นเลย ผมขอพูดถึงข้อดีของการทำงานแบบ Remote ในมุมมองของผมก่อนนะครับ ข้อดีของ Remote 1. ค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าถ้าทำงานแบบมี Office ค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งที่คุณจะต้องหมดไปก็คือค่าเช่าที่ (และค่าตกแต่ง) การทำงานแบบ Remote จะทำให้คุณตัดค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้ไปได้ Note: หลายๆ บริษัทที่เป็น Remote มีสวัสดิการออกค่าใช้จ่ายให้พนักงานสามารถเข้าไปนั่งใน Co-working Space ตรงส่วนนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายในระดับหนึ่งแต่ผมคิดว่าไม่เยอะมากเมื่อเทียบกับการไปเช่า Office 2. มีโอกาสจ้างคนที่ใช่มากขึ้น คนเก่ง อยู่ที่ไหนก็เป็นคนเก่ง การที่คุณไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่การทำงานจะทำให้คุณได้มีโอกาสได้คนเก่งเข้ามาทำงานร่วมกับคุณได้โดยตัดปัจจุยเรื่อง Location ออกไป Remote ไม่ใช่แค่เรื่องของการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ผมเชื่อว่าทุกคน ทุกบริษัทที่ทำธุรกิจแบบ Remote นั้นไม่ได้เอาประเด็นทั้ง 2 ปัจจัยข้างบนเป็นปัจจัยหลัก แต่เป็นเรื่องของรูปแบบการใช้ชีวิตแบบอิสระมากกว่า การทำงานแบบ Remote มีข้อดีขนาดนี้ แล้วทำไมผมถึงไม่ชอบ ยังอยากที่จะนั่งทำงานใน Office อยู่ดีล่ะ?

ประหยัดค่าเดินทาง: ข้อนี้คงไม่มีใครปฏิเสธแน่ๆ เพราะมันเป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องทำงานในเมือง แทบจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนั่งรถหลายต่อเพื่อให้มาทันเวลาทำงาน ไหนจะค่ารถไฟฟ้า ค่าแท็กซี่ ค่ารถตู้ ค่าทางด่วน ซึ่งถ้าทำงานแบบ Remote Working อยู่บ้านคุณจะไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว ลูกทีมแฮปปี้ คุณก็แฮปปี้ 2. มีเวลาเพิ่มมากขึ้น: การเดินทางในแต่ละวันนี่เป็นตัวทำลายกำลังใจในการทำงานมาก ตื่นมาตอนเช้าแค่คิดภาพว่าต้องไปเผชิญกับรถติด คนแน่นขนัดบน BTS ก็ทำให้หมดพลังใจแล้ว บางคนเดินทางไปกลับวันละไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งมันทำให้ทุกอย่างพังไปหมด ถ้าคุณได้ลอง Remote Working ดูจะรู้ว่าเวลาที่เพิ่มขึ้นมาในวันวันหนึ่งมันเยอะมากจริงๆ 3. ต้นทุนบริษัทลดลง: อย่าลืมว่าในฐานะผู้ประกอบการ เราเองก็ต้องเสียค่าน้ำ ค่าไฟ ยิ่งคนเยอะ ก็ยิ่งต้องจ่ายเยอะ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ทำงานแบบ Remote Working คุณจะรู้เลยว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้มันลดลงอย่างเห็นได้ชัด และตัวพนักงานเองก็ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ไม่ต้องเปลืองปริมาณน้ำหอม ไม่ต้องใช้ไดร์เป่าผมออกไปเจอใครให้ดูดี ปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้พอรวมกันทุกวันก็ประหยัดค่าสาธารณูปโภคไปได้เยอะมาก แบบไม่น่าเชื่อเลย 4.

สำหรับคำถามที่ว่า "ผมจะทำงานที่บ้านยังไงดี? หรือต้องเข้าออฟฟิตด้วยครับ? "